ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมานี้มีแฟนบอลเกิดขึ้นมามากมายทั้งชายและหญิง บางคนที่เป็นแฟนตัวยงก็จะรู้วิธีในการดู ตารางบอล อยู่แล้ว บางคนไม่รู้ว่าทำไมในตารางจะต้องมีค่าเป็นเปอร์เซ็นต์และ รายละเอียดอื่น ๆ วันนี้จะมาสอนและบอกอย่างหมดเปลือกเลยว่าข้อมูลแต่ละชุดหมายความว่าอย่างไร
ตัวอย่าง ตารางบอล
จาก ตารางบอล ตัวอย่างสามารถอธิบายได้ดังนี้
การแข่งขันฟุตบอล ยูโรปาลีก เวลา 03.00 น.(ตามเวลาประเทศไทย) เป็นการพบกันระหว่างทีมเจ้าบ้าน อาร์เซนอล ราคาต่อ 1 ลูก ให้กับทีมเยือน ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต บทวิเคราะห์ให้เจ้าบ้านมีโอกาสชนะ 66% ทีมเยือน 34% และสถิติสำหรับทั้งสองทีม โดยข้อมูลในเรื่องสถิติจะต้องคลิกเข้าไปดูถึงผลการพบกันทั้งสองทีมและผลการแข่งขัน 5 นัดหลังสุดที่ทั้งสองทีมลงการแข่งขันมาก่อนที่จะมาแข่งกันในวันนี้จะเห็นได้ว่าไม่ยากเลย
แต่ก็มีหลายคนที่ยังสับสนอยู่ โดยอาจะไปจับสลับกับตารางคะแนน เพราะตารางคะแนนอาจจะดูยากนิดหนึ่งเพราะมีตัวย่อภาษาอังกฤษเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีตัวย่ออะไรบ้างในราคาคะแนนไปดูกันเลย
P ย่อมาจาก Played หมายถึงจำนวนนัดที่ลงแข่ง
W ย่อมาจาก Wins หมายถึงจำนวนนัดที่ชนะ
D ย่อมาจาก Draws หมายถึงจำนวนนัดที่เสมอ
L ย่อมาจาก Losts หมายถึงจำนวนนัดที่แพ้
F ย่อมาจาก Goals For หมายถึงจำนวนประตูที่ยิงได้
A ย่อมาจาก Goals Against หมายถึงจำนวนประตูที่เสียไป
GD ย่อมาจาก Goals Difference หมายถึงผลต่างประตูได้ลบประตูที่เสียไป
Pts ย่อมาจาก Points หมายถึง คะแนนที่ได้
คงพอจะเข้าใจในรูปแบบของ ตารางบอล และ ตารางคะแนน กันแล้วใช่ไหมว่าแตกต่างกันอย่างไร ต่อไปจะได้เรียกได้ถูกต้อง แต่ในส่วนของตารางคะแนนนั้นก็จะมีในเรื่องของอันดับที่หลายคนอาจจะคาใจอยู่ว่าทำไมทีมที่ได้คะแนนเท่ากันแล้วทำไมอันดับอยู่สูงกว่าหรือต่ำกว่า
ฟุตบอลจะมีกฎ กติกาเดียวกัน ตารางคะแนนก็เช่นกัน ทีมใดที่ได้แต้มหรือคะแนนเท่ากัน การตัดสินว่าทีมใดอันดับดีกว่าก็จะมาดูในส่วนของประตูลูกได้ ลบ ลูกที่เสียไป หรือผลต่างนั้นเอง ทีมใดที่มีผลต่างในทางบวกมากกว่าก็จะมีอันดับที่ดีกว่านั่นเอง เพราะบางครั้งการที่จะวัดผลงานที่คะแนนดูจะไม่ยุติธรรมสักเท่าไรนัก ในเมื่ออีกทีมมีผลต่างได้เสียที่ดีกว่า แต่อันดับต้องตกลงมาต่ำกว่าทั้งที่มีคะแนนเท่ากันนั่นเอง